[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
 
 
 
เมนูหลัก
กลุ่มสาระการเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้

Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 

ลิงค์ที่น่าสนใจ

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เอริก เทน ฮาก มีภารกิจสำคัญในการนำลูกทีมลงดวลศึก “แดงเดือด”  VIEW : 41    
โดย C

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 99
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 8
Exp : 4%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 194.5.82.xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 30 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2565 เวลา 17:33:25   

 

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูล และ เอริก เทน ฮาก กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีภารกิจสำคัญในการนำลูกทีมลงดวลศึก “แดงเดือด” วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคมนี้ โดย 2 ผู้จัดการทีมต้องพยายามเรียกฟอร์มของลูกทีมกลับมาให้ได้ หลังพวกเขายังควานหาชัยชนะไม่ได้เลยในซีซั่นนี้ โดย “หงส์แดง” และ “ผีแดง” ต่างมีปัญหาเมื่อรายแรกนักเตะบาดเจ็บเพียบแถมโดนแบนด้วย ส่วนเจ้าบ้านผู้เล่นฟอร์มตกขาดความมั่นใจยกกระบิ ดังนั้นหากทีมไหนคว้าสามแต้มได้อาจจะทำให้พวกเขากลับสู่เส้นทางที่เหมาะสมเลยทีเดียว

1.กาเซมีโร่ อาจได้แค่ดู “แดงเดือด”

หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันว่าได้เซ็นสัญญากับ กาเซมีโร่ เรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่แฟนบอล “ปีศาจแดง” เฝ้ารอมานาน เพราะพวกเขาจะได้เห็นกองกลางชั้นดีที่จะเข้ามาคุมจังหวะการเล่นให้กับทีม และจะไม่ต้องเห็นคู่หูนรกแตก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ดาวเตะชาวบราซิเลียน อาจจะไม่ได้ลงสนามในเกม “แดงเดือด” วันจันทร์นี้ เนื่องจากนักเตะยังมีปัญหาเรื่องวีซ่า ทำให้ไม่สามารถลงทะเบียนได้ทัน ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เหล่าบรรดาสาวก “เร้ด อาร์มี่” จะได้เห็น “แม็คเฟร็ด” ลงสนามในแมตช์สำคัญนี้ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

2.แนวรุกสองทีมยังต้องปรับเยอะ

ลิเวอร์พูล ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มีเกมรุกดุดันอย่างมากในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่สำหรับซีซั่นนี้ต้องยอมรับว่าแดนหน้าของพวกเขาค่อนข้างมีปัญหา เพราะมีการเปลี่ยนเทกำลังสำคัญเมื่อ ซาดิโอ มาเน่ อำลาทีมไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค แม้พวกเขาจะได้ ดาร์วิน นูนเญซ มาร่วมทัพแต่นักเตะยังเล่นแบบเก้ๆ กังๆ จังหวะการจับบอลและยิงประตูยังไม่เนียนตาเหมือนสมัยอยู่ เบนฟิก้า แถมยังโดนแบน 3 เกมจากใบแดงแมตช์เสมอ คริสตัล พาเลซ งานนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องฝากความหวังในการทำประตูเอาไว้กับ หลุยส์ ดิอาซ, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อาการหนักยิ่งกว่าเพราะแนวรุกของพวกเขาจนถึงตอนนี้ยังไม่มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดเลย ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เจดอน ซานโช่ ฟอร์มยังออกทะเล ส่วนกำลังสำรองอย่าง แอนโธนี่ อีลันก้า ผลงานยังไม่สามารถฝากความหวังเอาไว้ได้เลย ดังนั้นนี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ เอริก เทน ฮาก ต้องพยายามปรับแก้ไปแบบเกมต่อเกม

3.ลิเวอร์พูล พิการ, แมนยูขาดความมั่นใจ

แม้ว่าช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นเบี้ยล่างให้กับคู่อริตลอดกาลมานาน แต่สำหรับฤดูกาลนี้หลายๆ สถานกาณ์ทำให้เกม “แดงเดือด” มีความสูสีกัน เนื่องจากตั้งแต่ต้นซีซั่น ลิเวอร์พูล กลายสถานเป็นทีมพิการอีกครั้งเมื่อพวกเขามีผู้เล่นบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าวถึง 10 คนแถมอีก 1 คนก็ติดโทษแบน โดยเฉพาะในแผงกองหลัง, มิดฟิลด์ และแดนหน้าที่ขาดผู้เล่นตัวหลักอย่าง โจ โกเมซ, อิบราฮิม่า โกนาเต้, ติอาโก้ อัลกันทาร่า, เคอร์ติส โจนส์ และ ดีโอโก้ โชต้า ส่วน นูนเญซ ต้องไปพักสงบสติอารมณ์จากพฤติกรรมที่ขาดความยั้งคิด ขณะที่ “ผีแดง” แม้ว่าตัวผู้เล่นหลักจะอยู่ครบแต่สิ่งที่พวกเขาขาดหายไปในเวลานี้นั่นก็คือ “ความมั่นใจ” ส่วนจุดแฟนผีโปรเจกต์หวั่นใจที่สุดนั่นก็คือคู่เซนเตอร์แบ็ก มีความเป็นไปได้ว่า เทน ฮาก จะเลือกดร็อป แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และใช้งาน ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ ราฟาแอล วาราน ซึ่งในรายของกองหลังชาวอาร์เจนไตน์ เพิ่งจะโดนเผาเครื่องมา 2 เกม แต่ดูท่าทาง นายใหญ่เลือดดัตช์ จะเชื่อมั่นในศักยภาพของเขามากกว่า “กัปตันแฮร์รี่” ที่เป็นแบบนั้นเพราะเขามองแล้วว่า “หงส์แดง” ไม่ใช่ทีมที่เน้นใช้ร่างกายปะทะ และไม่มีกองหน้าตัวใหญ่ ฉะนั้นจังหวะอันตรายจากลูกโด่งน่าจะน้อยกว่า ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด

4.ซาลาห์ สุดอันตรายในเกมแดงเดือด

เป็นที่ทราบกันดีว่า ซาลาห์ คือนักเตะที่อันตรายที่สุดของ “เดอะ เร้ดส์” และเป็นตัวความหวังในเกมรุกของสโมสร หลังจากที่พวกเขาไม่มี มาเน่ อีกแล้ว ขณะที่ ดิอาซ ยังสามารถปั่นป่วนเกมรับของคู่แข่งได้ แต่ยังขาดความเฉียบคมแม้เกมล่าสุดจะยิงประตูสุดงามก็ตาม ย้อนกลับมาที่ “บังโม” ต้องบอกว่าเป็นแข้งที่ขู่เกมรับของเจ้าบ้านได้ดีเสมอ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา “คิง ออฟ อียิปต์” เพิ่งสร้างสถิติเป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรกที่ยิงแฮตทริกในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นับตั้งแต่ เฟร็ด ฮาว เคยทำได้ในปี 1936 ที่สำคัญพวกเขายังถล่มคู่อริร่วมชาติคาบ้าน 5-0 และเมื่อรวมสกอร์เหย้า-เยือน “ผีแดง” สุดช้ำเสียไปถึงเก้าประตูเลยทีเดียว นอกจากนี้ ซาลาห์ ยังเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถยิงประตู แมนฯยูไนเต็ด ได้ถึง 5 ประตูในฤดูกาลเดียว ส่วน “แดงเดือด” วันจันทร์นี้จะเพิ่มสถิติได้หรือไม่ สาวก “เดอะ ค็อป” ต้องไปลุ้นหน่อย

5.สถานการณ์บีบให้ต้องชนะทั้งสองทีม

ตอนนี้แฟนบอลแมนฯ ยูฯ และลิเวอร์พูล กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดกันเหลือเกิน เพราะพวกเขายังไม่สามารถสะกดคำว่า “ชนะ” ได้เลย หลังจากลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 2 แมตช์ แต่ในรายของ “ปีศาจแดง” ค่อนข้างอาการหนักเนื่องจากพวกเขาแพ้เรียบวุธ ส่วน “หง์แดง” เสมอ 2 แมตช์ ฉะนั้นในแมตช์นี้ต้องบอกเลยว่าดีกรีความเดือดคงเพิ่มเป็นทวีคูณ เพราะทั้งสองทีมต้องการ 3 แต้มอย่างมาก เพื่อให้ทีมกลับมาสู่เส้นทางที่เหมาะสม และเป็นการเรียกขวัญกำลังใจด้วย ดังนั้นชัยชนะในศึกครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดหักเหให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ในช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้ก็ได้

 

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Betufa