ฤดู 2019/20 ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแวดวงบอลในประเทศอังกฤษ เป็นอย่างมาก เมื่อมีการตกลงใจนำระบบเทคโนโลยีผู้ช่วยผู้ตัดสินหรือ "วีเออาร์" ซึ่งนับตั้งแต่นัดหมายเปิดสนามเกมพรีเมียร์ลีก จนกระทั่งเกมเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ก็ครบ 100 แมตช์แล้ว แล้วก็ระบบนี้มีส่วนต่อผลที่เกิดจากการแข่งขันจำนวนมากอย่างยิ่งจริงๆ
จะว่าไปแล้วเกมลูกหนังเมืองผู้ดีได้นำระบบเทคโนโลยีเข้ามาหยั่งดูท่าทีก่อนหน้านั้นยาวนานหลายปีแล้ว โดยการใช้เทคโนโลยี "โกลไลน์" เพื่อช่วยส่งเสริมผู้ตัดสินว่าลูกฟุตบอลเข้าประตูไปหรือยัง จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ที่ไม่อาจจะทนกระแสคัดค้านสิ่งที่ต้องการของแฟนบอลที่ต้องการมองเห็นเกมบอลที่มีความถูกต้องที่สุด ก็เลยส่งผลให้เกิดการร่วมใช้ระบบ "วีเออาร์"

สำหรับขณะนี้เกมบอลลีกสูงสุดเมืองผู้ดีที่มีการนำระบบวีเออาร์เข้ามาใช้แข่งขันมาครบ 100 แมตช์แล้ว โดยมีหลายเกมที่เปลี่ยนวลีวินิจฉัยและก็ผลที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันไปอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งมีหลายแมตช์ที่ระบบนี้กำเนิดข้อสงสัยว่ามีความแม่นยำจริงเช่นที่อ้างอิงกันไว้ไหม

เจมส์ ไม่ลเนอร์ "ผมไม่ยินดีระบบวีเออาร์" กับ 100 เกมพรีเมียร์ลีก

แน่ๆว่าจาก 100 แมตช์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาในช่วงฤดูกาลนี้ ระบบดังกล่าวข้างต้นมีการเปลี่ยนวลีวินิจฉัยไปแล้ว 26 ครั้ง ซึ่งเฉลี่ยแล้ว 1ต่อ 3.85 เกม อย่างไรก็แล้วแต่ไม่มีแม้กระทั้งครั้งเดียวที่ผู้ตัดสินจะวิ่งไปดูจอมอนิเตอร์ที่อยู่ข้างสนาม ดังลีกชั้นแนวหน้ายุโรปอย่าง บุนเดสลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา, ลา ลีกา รวมทั้งลีก เอิง

เหตุผลที่พวกเขาทำทั้งนี้เพราะอยากได้ลดความช้าจากการจำเป็นต้องรอคำวินิจฉัยของวีเออาร์ อย่างไรก็แล้วแต่มีแถลงการณ์ว่าหน่วยงานผู้ตัดสินอาชีพของอังกฤษ หรือ "พีจีเอ็มโอแอล" (PGMOL) จะมีการตรึกตรองทวนเกี่ยวกับระบบนี้ ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ให้ประตูชัยของ อาร์เซน่อล จากวิธีการทำประตูของ โซคราวติเตียนส ในเกมที่เสมอ คริสตัล พาเลซ 2-2

จังหวะดังกล่าวมาแล้วข้างต้น มาร์ติน แอตกินสัน ท่านเปาหลัก เป่าให้เป็นประตูแม้กระนั้นมีสัญญาณมาจากกลุ่มวีเออาร์ที่บอกว่า ค้างลั่ม แชมเบอร์ส ทำฟาวล์ ลูก้า ไม่ลิโอ้อวดเยวิช ก่อน แม้กระนั้นเรื่องดังกล่าวมาแล้วข้างต้นดูเหมือนจะกำกวมว่าเป็นการทำผิดพลาดไหม ซึ่งแน่ๆว่าความบกพร่องมีต้นเหตุมาจาก แอตกินสัน รวมทั้งวีเออาร์ไม่น่าจะเข้ามาแทรกแซงจังหวะนี้

เจมส์ ไม่ลเนอร์ "ผมไม่ปลาบปลื้มระบบวีเออาร์" กับ 100 เกมพรีเมียร์ลีก

เวลาเดียวกันในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกชนะ นอริช สิตี้ 3-1 โดย "ปีศาจร้ายแดง" ได้โอกาสได้จุดลูกโทษถึง 2 ครั้งจากการวินิจฉัยของวีเออาร์ กระนั้น โอเล่ กุนท้องนาร์ โซลชา กุนซือชาวประเทศนอร์เวย์ ยังเห็นด้วยว่าจุดลูกโทษแรกที่ เบน ก็อดฟรี่ย์ แทรก แดเนี่ยล เจมส์ ล้มในจุดโทษไม่สมควรเป็นจุดลูกโทษ แถมถ้าเป็นจุดลูกโทษก็ควรจะยิงใหม่เนื่องมาจาก ทิม คุณครูล ออกมาก่อนเส้นในช่วงเวลาที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิง (ไม่เข้า)

เจมส์ ไม่ลเนอร์ แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดถึงความรู้สึกที่ไม่ค่อยติดอกติดใจกับเทคโนโลยีนี้ว่า "ผมไม่ใช่แฟนตัวยงเทคโนโลยีนี้ ผมบางทีอาจจะเป็นเนื่องจากว่าผมยังเป็นพวกหัวโบราณ แม้กระนั้นผมมีความคิดว่ามีการแย้งกันจำนวนมากเกี่ยวกับระบบวีเออาร์ เทคโนโลยีโกลไลน์เป็นอะไรที่น่าเกินจริง มันวินิจฉัยโดยทันที แบบขาวกับดำ แต่ว่ามันเกิดเรื่องยากมากมายที่จะใช้วีเออาร์ เมื่อคุณยังจำต้องรอคอยข้อคิดเห็นสำหรับในการวินิจฉัย แล้วก็บรรยากาศมันเสียไปหมด"

"คุณทำประตูได้ มีเสียงเฮดังกึกก้องต่อจากนั้นก็ใช้วีเออาร์ คุณจำต้องคอยว่ามันเป็นประตูไหม ? ผมเคยมีประสบการณ์ตอนยิงจุดลูกโทษเมื่อยาวนานหลายสัปดาห์ก่อน (ไม่ลเนอร์ จำต้องยิงจุดลูกโทษช้าในเกมที่ชนะ เลสเตอร์) โน่นเป็นประสบการณ์ใหม่ เพราะว่าพวกเขามีการโต้วาทีกันว่าเป็นจุดลูกโทษไหม"

"ผมมีความคิดว่ามันอาจจะใช้ได้ดีถ้าหากพวกเรามีการปรับปรุง แต่ว่าบอลเป็นเกมที่เกี่ยวพันกับความบกพร่องของนักฟุตบอล รวมทั้งของผู้ตัดสินด้วย พวกเขาจำต้องพบกับงานเหนื่อยยาก แน่ๆว่าเกมมันไม่ไหลลื่น ถ้าวีเออาร์สามารถกำจัดข้อโต้เถียงไปได้ผมก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ แม้กระนั้นพวกเรายังมีการปะทะคารมเรื่อง วีเออาร์ ผมไม่คิดว่ามีนักบอลที่รู้สึกผิดแผกกับผมเท่าไรนัก" ไม่ลเนอร์ กำหนด

เจมส์ ไม่ลเนอร์ "ผมไม่ยินดีระบบวีเออาร์" กับ 100 เกมพรีเมียร์ลีก

100 แมตช์ก่อนหน้าที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีก บ่งบอกถึงแล้วว่าการใช้ระบบวีเออาร์ ช่วยทำให้การประลองมีความตรงไปตรงมาชอบธรรม แต่ว่าในเวลาเดียวกันมีบางจังหวะที่ไม่จัดการก็ก่อให้เกิดผลเสียกับหลายทีมเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผลโหวตจำนวนมากจาก "สกายสปอร์ตส" ไม่ปลาบปลื้ม "วีเออาร์" อย่างแรง

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ ufabet