หลังจาก ลิเวอร์พูล ของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้ลงแข่งขันพรีเมียร์ลีกมาทั้งหมด 103 วัน ในที่สุดพวกเขาก็เตรียมลงทำศึกในคู่ดึกคืนนี้โดยจะบุกไปเยือนเพื่อนบ้านเรือนเคียงอย่าง เอฟเวอร์ตัน นอกจากจะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีแล้วยังเป็นโอกาสที่ "หงส์แดง" จะขยับไปอีกหนึ่งสเต็ปในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ก่อนเกม “เมอร์ซีย์ไซด์” ดาร์บี้แมตช์ เรามาดูประเด็นที่น่าสนใจกัน
1.ความมุ่งมั่นกลับมา

    เนื่องจาก อาร์เซน่อล พ่ายแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อกลางสัปดาห์ นั่นทำให้สัปดาห์นี้ “หงส์แดง” หมดโอกาสฉลองแชมป์ที่ กูดิสัน พาร์ค แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องการชัยชนะอีกเพียงแค่ 2 จาก 9 นัดที่เหลือ ดังนั้นหากคว้าชัยคืนนี้ได้ การเยือน พาเลซ ในกลางสัปดาห์ก็มีโอกาสฉลองแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990

    การหยุดลีกไปอาจจะทำให้แฟนหงส์เซ็ง แต่สิ่งที่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งเลยคือการรีเฟรชฟอร์มของนักเตะเนื่องจากช่วงก่อนหยุดการแข่งขันฟอร์มของพวกเขาดร็อปลงอย่างเห็นได้ชัด  6 นัดหลังสุดในทุกรายการ หงส์แดง ปราชัยไปถึง 4 นัดเลยทีเดียว โดยแพ้ให้กับ แอตฯมาดริด 2 นัด, เชลซี และวัตฟอร์ด แถมอีก 2 นัดที่เก็บชัยก็แทบหืดจับด้วยสกอร์ 3-2 และ 2-1 ดังนั้นการกลับมาแข่งขันใหม่อาจเป็นการเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้งพร้อมกับดีดฟอร์มของทีมให้กระเตื้องขึ้นด้วย

2.เช็คฟิตซาลาห์

    ตั้งแต่พรีเมียร์ลีกกลับมาแข่งขันอีกครั้ง เราจะเห็นนักเตะหลายคนมีปัญหาเรื่องสภาพความฟิตเนื่องจากหยุดลีกไปนาน สำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็เป็นเช่นนั้น เขาพลาดการลงสนามในเกมอุ่นเครื่องถล่ม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และไม่ได้ซ้อมกับทีมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

    แม้ว่าคล็อปป์จะยืนยันว่ายังไม่มีใครที่หมดสิทธิ์ลงเล่นในเกมวันอาทิตย์นี้ แต่เชื่อว่ามีโอกาสที่ ซาลาห์ จะออกสตาร์ทเป็นตัวสำรอง นั่นทำให้ คล็อปป์ อาจเลือกใช้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, นาบี เกต้า หรือ ดิว็อค โอริกี้ ถ้าดูจากฟอร์มช่วงหลังแล้วรายแรกดูจะมีโอกาสมากที่สุดแต่ก็ต้องรอเช็คความฟิตเช่นกัน ดังนั้น โอริกี้ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเนื่องจากเจ้าตัวมีสถิติที่ดีมากในการเจอกับ เอฟเวอร์ตัน โดยยิงไปถึง 5 ประตูจาก 7 เกม

3.ทอฟฟี่พร้อมหยุดหงส์

    หลังจาก คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามาคุม เอฟเวอร์ตัน ในเดือนธันวาคม ฟอร์มการเล่นของทีมก็เริ่มมีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆโดยเก็บชัยชนะในลีกทั้งหมด 5 นัดและแพ้แค่ 3 จาก 11 นัดที่กุนซือชาวอิตาเลี่ยนคุมทัพ และพวกเขายังมีโอกาสลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปอยู่ ดังนั้นนอกจากศักดิ์ศรีเพื่อนร่วมเมืองแล้ว พวกเขาก็ต้องใส่เต็มเพื่อทำอันดับด้วย โดย อันเชล็อตติ กล่าวก่อนเกมนี้ว่า

    “เราต้องเล่นเกมนี้อย่างสมบูรณ์แบบ และต้องใส่เกิน 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อที่จะเอาชนะ  ลิเวอร์พูล เป้าหมายของเราไม่ใช่เป้าเป้าหมายเดียวกับลิเวอร์พูล เป้าหมายของเราคือการเล่นให้ดีที่สุดเพื่อไต่อันดับบนตารางและยังมีความเป็นไปได้ที่เราจะไปยูโรปา ลีกฤดูกาลหน้า เราไม่ได้โฟกัสสิ่งที่ลิเวอร์พูลกำลังจะได้ในอนาคต แน่นอนว่าพวกเขากำลังจะเป็นแชมป์ แต่นั่นไม่สำคัญ”

    แม้ว่า เอฟเวอร์ตัน จะไร้ชัยชนะในลีกมา 3 นัดติดต่อกัน (เสมอ 1 แพ้ 2) แต่ทว่าพวกเขาไม่แพ้ใครในกูดิสัน พาร์ค มาทั้งหมด 7 นัดติดต่อกันแล้ว (ชนะ 4 เสมอ 3) โดยพ่ายแพ้ครั้งล่าสุดแก่ นอริช ซิตี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

4.สถิติยังมีให้ลุ้น

    นอกจาก “เร้ด แมทชีน” กำลังจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกแล้ว ยังมีสถิติที่ “หงส์แดง” มีสิทธิ์จะพิชิตด้วยเช่นกัน โดยพวกเขามีโอกาสเก็บแต้มในพรีเมียร์ลีก 1 ฤดูกาลมากที่สุดซึ่งสถิติสูงสุดในตอนนี้เป็นของ แมนฯซิตี้ ที่ 100 แต้มพอดิบพอดี ขณะที่ หงส์แดง ตอนนี้มี 82 คะแนน ดังนั้นพวกเขาต้องการอีก 7 นัดเพื่อทุบสถิติ

    ขณะที่อีกหนึ่งสถิติน่าสนใจคือการชนะมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล โดย แมนฯซิตี้ ทำไว้สูงสุดที่ 32 นัดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ส่วน ลิเวอร์พูล ชนะในซีซั่นนี้แล้ว 27 จาก 29 เกม ดังนั้นพวกเขาต้องเก็บชัยชนะให้ได้อีก 6 นัดเพื่อทำลายสถิติ

5.สถิติหงส์เหนือกว่าเยอะ

    เห็นสถิติการเจอกันแล้ว “เดอะ ค็อป” ก็อุ่นใจพอสมควรเพราะลิเวอร์พูลแทบจะเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะมาโดยตลอด หากนับรวมทุกรายการแล้วครั้งสุดท้ายที่ เอฟเวอร์ตัน คว้าสามแต้มจาก “หงส์แดง” ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2010 เลยทีเดียว ดังนั้น 10 ปีที่ผ่านมา “ทอฟฟี่” ไร้ชัยชนะมาทั้งหมด 21 นัด (เสมอ 10 แพ้ 11)

    อย่างไรก็ตามหากนับเฉพาะในลีก 7 นัดหลังสุดที่เจอกันที่ กูดิสัน พาร์ค ผลดันออกเสมอไปถึง 6 นัด และครั้งสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลบุกเก็บชัยที่นี่คือปี 2016 ด้วยสกอร์ 1-0

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ แทงบอล